วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เรื่องของสมนึก

วันนี้สมนึก ถูกคุณครูฝ่ายปกครองเรียกมาพบ ในฐานะที่เป็นเจ้าของกระเป๋าคาดเอว ลายพรางแบบทหาร สมนึกยืนอยู่ข้างๆไอ้ฟลุ๊ค ครูฝ่ายปกครองพบกระเป๋าใส่บุหรึ่ที่ไอ้ฟลุ๊ค ไอ้ฟลุ๊คยืนก้มหน้า ตาเหลือกมองครูอย่างผวาๆ "นี่กระเป๋าเธอใช้ไม๊-สมนึก?" สมนึกพยักหน้าเบาพอให้ครูทราบว่า มันยอมรับแล้ว ครูฝ่ายปกครองหันไปเล่นงานไอ้ฟลุ๊ค ในฐานะที่เป็นพี่ม.3 (ลืมบอกไปว่าไอ้สมนึกอยู่ ม.1) "สมนึก-เธอไปเรียนได้แล้ว" ซักพักได้ยินเสียงไม้กระทบก้นแบบแน่นๆ 3 ครั้ง เราเองเป็นครูยังรู้สึกว่า "สยองเกล้าจริง" ถามนักเรียนหญิงม.1 ว่า "รู้ไม๊? เสียงอะไร" น้องบุ๋ม สาวน่ารัก ตาโต มองกลับมาหาฉันด้วยตากลมๆใสๆ "ไม่ทราบค่ะ" ฉันตอบนักเรียนกลับไปทันที "เสียงกระบี่" นักเรียนสาวๆที่นั่งอยู่กับฉัน ส่งเสียงอุทานพร้อมๆกัน แบบตกใจและสยองเกล้า



ฉันเดินลงมาจากห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ฐานที่มั่นของนักเรียนชั้นม.1 เพราะวันนี้นักเรียนมาน้อย และก็ยังไม่สามารถเข้าห้องเรียนได้เพราะน้ำท่วมถนน และเข้าห้องเรียนบางห้องเรียน ฝนตกเดือนกุมภาพันธ์ ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต คุณครูที่อาวุโสทั้งหลายต่างบ่น ให้ฟังถึงความวิกฤติของดินฟ้าอากาศ ฉันเห็นสมนึกยืนอยู่กับไอ้ฟลุ๊ค ถูกสอบสวนคดีเกี่ยวกับบุหรี่ ฉันไม่มองไอ้ฟลุ๊คหรอก แต่ฉันมองสมนึกอย่างรู้ทัน



วันนั้น นักเรียนชายชั้นม. 1 ไม่ทำเวรเขต ผอ.ก็เลยนำทัพ บัญชาการให้นักเรียนม.1 ทำความสะอาดบริเวณโรงเรียนที่พอจะทำได้ สมนึกหลังจากถูกปล่อยตัวแล้ว ก็กลับมาที่กลุ่มเพื่อนเพื่อช่วยกันทำงาน ภายใต้บังคับบัญชาของ ผอ. จนเสร็จ นักเรียนชายม.1ดูท่าแต่ละคนอ่อนละโหยโรยแรง แต่ก็สาสมกับความไม่รับผิดชอบของตนเอง มาโรงเรียนมาทำไม ถ้าไม่ได้มาเพื่อฝึกฝนความรู้ และความดี ฉันเรียกสมนึก มาคุยที่ห้องพักครู "สมนึก กระเป๋าของเธอเหรอ?" สมนึก นั่งคุกเข่า มองฉันแบบเต็มสองตา แต่ไม่ใช่ความท้าทาย สมนึกส่งสายตามาหาฉัน ฉันรู้สึกทึกทันว่า สมนึกพร้อมที่จะพูดความจริง แต่ฉัน ในฐานะครูประจำชั้น ก็คงจะต้องเก๊กท่าซะหน่อย ไม่ได้เด็กรู้ว่าฉันกำลังสะเทือนใจกับสายตาของสมนึก
"ครับ " สมนึกตอบแบบมองฉันเต็มตา
"เอามาสูบด้วยกันเหรอ"
"ครับ"
"สูบด้วยกันบ่อยไม๊"
"เดี๋ยวนี้ไม่แล้วครับ"
"แสดงว่าเมื่อก่อนบ่อยละซิ"
สมนึกไม่ตอบ ใช้ความเงียบให้ฉันสรุปเอาเองว่า เมื่อก่อนละก็ เป็นเพื่อนสนิทกันทีเดียว
"เมื่อก่อนน่ะ ตอนไหน ใช่ช่วงที่ครูเตือนเธอเมื่อคราวก่อนไม๊" "ครับ เมื่อตอนที่ครู ถามผมเมื่อคราวก่อน ตั้งแต่นั้นผมก็ไม่ได้สูบกับเค้าอีกเลย"
"นี่แสดงว่า สูบกับคนอื่น หรือไม่ก็สูบคนเดียวละซิ- แล้วตอนที่สูบกันไปสูบ ดงไหนกันล่ะ"
"แถวๆหลังโรงเีรียน หรือไม่ก็ในห้องเรียนครับ"
มีคำกล่าวที่ว่า ที่ที่อันตรายที่สุด ก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด
"ก็คราวนั้นที่ครู สอบสวนไปน่ะซิ" "ครับ"
"สมนึก" ฉันเสียงเข้มขึ้น "เมื่อกี้ไอ้ฟลุ๊ค มันถูกตี แรงมากๆเลยนะ ทำไมเธอปล่อยให้พี่เค้าโดนคนเดียวล่ะ ในเมื่อเธอก็มีส่วนนะ เรื่องบุหรี่นี่"
สมนึก ก้มหน้า ไม่สบตาฉัน และไม่มีคำตอบ
"กลัว ล่ะซิ กลัวแล้วจะทำ ทำไม"
ฉันไม่รอให้สมนึกตอบคำถามอีก เพราะฉันเข้าใจในความอีดอัดของสมนึก "แล้วตอนนี้ยังสูบไม๊"
"สูบครับ"
"สูบที่ไหนล่ะ"
"สูบที่บ้านครับ"
"สูบที่บ้าน สูบตอนไหน พ่อไม่ว่าเหรอ"
"พ่อว่าครับ ผมไปสูบริมแม่น้ำครับ"
"แล้วเอาสตางค์ที่ไหน ไปซื้อบุหรี่"
"ผมเก็บเงินครับ"
จากนั้นฉันก็ไล่เรียงสอบถามสมนึก จนได้ความว่า สมนึกได้เงินมาโรงเรียนวันละ 30บาท ค่ารถเดินทางเสียเฉพาะตอนกลับจากโรงเรียนเท่านั้น 5 บาท ค่าอาหารและขนมตอนกลางวันที่โรงเรียน 15 บาท รวมเป็น 20 บาท เพราะอีกสิบบาทที่เหลือ ต้องเอาไปซื้อบุหรี่ที่ร้านค้าปากซอยเข้าบ้านทุกว้น วันละ 4 มวน
"สูบ มวนต่อมวนเลยซิ" สมนึก เงียบ แทนคำตอบ
"สูบ เสร็จก็กลับเข้าบ้าน" ยังไม่มีคำตอบของสมนึก แต่ความเงียบของสมนึก ก็ทำให้ฉันรู้ได้ว่า เค้ายอมรับในสิ่งที่ฉันพูดออกไป
"เธอติดบุหรี่ไม๊" คราวนี้ได้ผล สมนึกแทบจะตอบกลับมาในทันทีว่า "ไม่"
ฉันก็เลยชี้แจงให้สมนึกเข้าใจว่า การที่เค้าสูบบุหรี่ทุกวัน จำนวนเท่าๆเดิม เวลาก็เดิมๆ นี่แหละเรียกว่าติดบุหรี่ "ตอนไปเข้าค่ายลูกเสือ หนูสูบบุหรี่ รึเปล่า"
"ผมไม่ได้สูบเลย" สมนึกบอก ฉันจับน้ำเสียงได้ว่า สมนึกภูมิใจมาก
"ไม่มีเวลาสูบนะซิ แล้วก็เหนื่อยเพลียขนาดนั้น" สมนึกไม่ตอบ แต่อมยิ้ม
เวลาเข้าค่ายลูกเสือของโรงเรียน นักเรียนลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่(ม.ต้น) โรงเรียนจะเชิญวิทยากรลูกเลืิอจากทีมลูกเสือรุ่นพี่ระดับ ปวช.บ้าง ราชภัฏบ้าง มาช่วยฝึกน้องๆ ซึ่งได้ผลดีทีเดียว นักเรียนได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน ได้ระเบียบวินัย และอะไรดีดีอีกหลายอย่าง เกินความคาดหมาย วิทยากรก็เด็กวัยรุ่น ลูกเสือก็เด็กระยะปลาย วัยใกล้เคียงกันรู้ใจกันดีจริงๆ
"พ่อว่าไม๊ เรื่องสูบบุหรี่"
"พ่อว่า ครับ พ่อไม่ให้สูบ"
"แล้วพ่อสูบบุหรี่ไม๊"
"สูบครับ"
ตอนนี้ ฉันเองที่อึ้ง เงียบไปพักใหญ่ ในใจพยายามคิดว่าจะพูดกับลูกศิษย์ว่ายังไงดี ฉันสะท้อนใจในบทบาทของพ่อ แบบอย่างของลูก อะไรทำนองนี้
"สมนึก.... เราคงคิดซินะ....พ่อสูบได้ แล้วทำไมเราสูบไม่ได้"
ฉันพรรณาร่ายยาว พยายามจะให้สมนึก เข้าใจบทบาทของเด็ก บทบาทของลูก ว่าเรามิอาจนำตัวเราไม่เปรียบกับคนที่ไม่เท่าเราได้ แต่ถ้าเป็นเพื่อนกับเพื่อน นักเรียนกับนักเรียน ค่อยมาเปรียบเทียบกัน ฉันไม่รู้ว่าเค้าจะดูดซับไปได้มากน้อยแค่ไหน สุดท้ายฉันก็ต้องถามเค้ากลับ
"ถ้าเธอมีลูก เธอจะให้ลูกเธอสูบไม๊"
สมนึกตอบทันทีทันใด "ไม่ครับ" "นั่นแหละ พ่อก็คิดอย่างเธอ ไม่อยากให้เธอได้รับสิ่งที่ไม่ดี"
"บุหรี่ทำให้ปอดเสีย เธอเป็นเด็กสูบแต่เด็ก ไม่ทันจะแก่ปอดก็พังซะแล้ว ไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี รออีกหน่อยได้ไม๊ โตอีกหน่อยค่อยสูบ ปอดจะได้พังช้าลง" ฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไรต่อไป
ใจหนึ่งก็รู้สึกละอายในความเ้ป็นพ่อเป็นแม่ของสมนึก


"แล้วเสาร์-อาทิตย์ เอาสตางค์ที่ไหนสูบล่ะ"
"ผมก็เก็บเงินเอาไปซื้อครับ"
"จะเอาที่ไหนเก็บ วันหนึ่ง 30บา่ทก็หมดพอ แน่ะๆๆสงสัยพ่อเมาแล้วแอบงุบงิบ แหงเลย"
ฉันแซวให้สมนึกขำๆ
"ตั้งแต่แม่ตาย พ่อก็ไม่่เมาแล้วครับ"
อืมม์ใช่ แม่ของสมนึกเสียชีวิตแล้ว เสียแบบนอนหลับไหลตายไปเลย ตอนนี้สมนึกก็เลยอยู่กับพ่อ 2 คน
"พ่อเค้าเสียใจเหรอ"
คราวนี้ สมนึกตอบมาแบบคำพูดกลั้วหัวเราะในลำคอ
"พ่อเค้าไม่มีเพื่อนกินครับ"
"ตอนพ่อกับแม่เค้ากันเหล้ากัน เค้าทะเลาะกันเสียงดัง หรือว่าเค้านอนหลับกันไปเลย"
ฉันถามต่อด้วยความที่นึกเป็นห่วง
"บางทีครับ ผมก็เป็นคนเก็บกวาด ผมชินแล้ว...."



ฉันยังจำภาพหน้าของสมนึก ที่เค้ายิ้มให้ฉันได้ เป็นครั้งแรกในการสนทนา ...... ที่ฉัน...มิอาจ...สรุป....ความรู้สึก....ของสมนึกได้
ฉันได้แต่ระลึกถึงพระราชดำรัสของในหลวง ที่พระองค์ท่านได้พระราชทานในทำนองที่ว่า

"คุณธรรม ไม่มีขาย
จะมีได้ก็จะต้อง... เพาะ....เท่านั้น"


คำว่า...เพาะ....ของพระองค์ท่าน
คงหมายถึงตั้งแต่ปฏิสนธิฺ เลยมั้ง



เรื่องของสมนึก เริ่มจากการที่ฉันไล่ต้อน จับความรู้สึกของสมนึก
แต่สุดท้าย ...จบลงที่...
ฉันเองที่ถูกต้อน จนรู้สึกว่าตัวเองจนมุม ไม่มีทางออก....เลย.....

1 ความคิดเห็น:

  1. ตอนนี้ สมนึก ไม่ได้เรียนหนังสือแล้วค่ะ สมนึกหายตัวไป ไม่มีเพื่อนหรือใครได้พบเค้าอีก ขอบคุณสมนึกกับเรื่องราวดีดี

    ตอบลบ

เชิญแสดงความคิดเห็นค่ะ